คำถาม ก่อนการตัดสินใจทำอะไรใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพ หรือความสวยงาม
ซึ่งจะใช้หลักการมาจับ เพื่อพิจารณา “วิธีการร้อยไหม”
……………………….
จากที่คุณแม่ของน้องคนไข้ท่านหนึ่ง ได้ผ่านคำถามมาทางเฟสบุ๊ค
2 ครั้ง เรื่องเดียวกับหัวข้อ
ผมเห็นว่า ถ้าตอบทางเฟสบุ๊ค เดี๋ยวเฟสบุ๊คเขาจะล่มเพราะน่าจะตอบแบบบานปลาย
เลยเอามาตอบในนี้แทน
น่าจะมีคนจ้องจะอ่านหลายคน เพราะ ตามกระแสกันจัง
หวังว่า คงมีคนได้แง่คิด ในแนวเชิงลึกสุดใจ นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์นะครับ
ผมตอบแบบโคตรบริสุทธิ์ใจ ตาใสปิ๊ง จริงใจสุด ๆ ถ้าใครเสียประโยชน์
ห้ามโทษกัน เพราะถือว่า ให้ความรู้เป็นกลาง ๆ กับประชานตาดำ ๆ
และใช้ประสบการณ์การพูดคุยตรง ๆ
กับคนไข้หลายท่านที่ผ่านการรักษาบางอย่างมาแล้วจริง ๆ ด้วย
ใครอยากถามเพิ่มก็ถามมาครับ ตอบได้จะพยายามตอบไปเรื่อย ๆ ครับ
.......................
ยาวหน่อย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆนะครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
......................
ผมวิจารณ์ในฐานะคนกลางแล้วกัน
ก่อนอื่นต้องบอกว่า โดยส่วนตัว อะไรที่ใหม่มาก ตามกระแสมาก ๆ
เช่น เดอร์มาโรลเลอร์ ฉีดกลูต้าตัวขาว เสต็มเซลล์ อะไรประมาณนี้
ผมไม่ค่อยชอบเป็นการส่วนตัวตั้งแต่มันเข้าเมืองไทยใหม่ ๆ
แหมมันจะฮิตถล่มทลาย จนหมอบางคนรวยก็จากไอ้พวกนี้
แต่ผมมีความรู้สึกว่า จากที่สัมผัสวิธีการ หรือ ผู้ที่นำมาเสนอขาย บทวิจัยที่ยังน้อยมาก
ผมว่า มันไม่ค่อยได้ผลตามที่คุย หรือมีความเสี่ยงสูงมาก ๆ
และตั้งราคากัน แพงอย่างบ้าเลือด (เนื่องจากผมรู้ต้นทุนจริง ๆ ๆ ๆ ของเจ้าพวกนี้หมดเลย)
แน่นอน ผมรู้ราคาต้นทุนของไหมที่ร้อย ด้วย
ผมว่า วิธีการที่ใหม่ ๆ ส่วนใหญ่จะมีจุดอ่่อนร่วมกัน หรือแยกย่อย ดังต่อไปนี้ครับ
ลองพิจารณาเป็นภาพรวมไปเลยก็ได้
…………………………………………….
1. อย. ทั่วโลกได้รับรอง “วิธีการ” นั้น ๆ แล้วหรือยัง หลัก ๆ ก็ อเมริกา ยุโรปส่วนใหญ่ ญี่ปุ่น
และประเทศพัฒนาแล้วทั้งหมดด้วย
พวกเดอร์มาโรลเลอร์ กลูต้า เสต็มเซลล์ เหล่านี้ไม่ผ่านนะครับ
ส่วนร้อยไหม ลองตามสืบดูครับ แต่ผมรู้สึกว่า น่าจะยังไม่ผ่านในเรื่อง “วิธีการ” นะครับ
2. ขอย้ำว่า วิธีการ กับตัวเครื่องมือหรือวัสดุ คนละประเด็นกันนะครับ
เพราะถ้า อย. อนุมัติวัสดุ หรือยานั้น เอาไปใช้อย่างหนึ่ง
หมอหัวการค้าเอาไปใช้อีกอย่างหนึ่ง แล้วบอกว่าผ่าน อย. แล้ว
อย่างนี้ ผิด กม. ครับ คือใช้ผิดวัตถุประสงค์
เช่น เอายาลดน้ำมูก ไปทำเป็นยาเสพติด แบบที่ออกข่าวฮือฮากันเมื่อสักพัก
เช่น เอายาดมสลบ ไปมอมยายรูดทรัพย์
เช่น เอาเจลทาผิว ไปฉีดหน้า อ้างว่าเป็นฟิลเลอร์ราคาถูก
เช่น เอาวิตามินซีแบบทา หรือกลูต้าแบบกิน ไปฉีดเข้าเส้น
9ล9
3. อย. หรือ FDA. ทั้งโลกนี้ เขารับรองคุณสมบัติอะไรบ้าง
อย่างไหม เขารับรองเรื่องการนำไปเย็บแผล เย็บอวัยวะต่าง ๆ
ก็รับรองไปตามคุณสมบัติข้อบ่งชี้แค่ที่ทำทดลองมานะครับ
การนำไปใช้เพิ่มเติมนั้น ถ้า อย. ไม่รับรอง ก็ไม่ควรนำมาใช้
โดยไม่มีจำนวนการทำวิจัยที่น่าเชื่อถือมากพอครับ
4. ถามกันดื้อ ๆ ว่า โอกาสได้ผลจริง ตามที่หมอส่วนใหญ่โม้กันโครม ๆ นั้น
ได้ผลจริงกี่ % ?
ไม่ได้ผลเลยกี่ % ?
ได้ผลแค่ 10-20 % ของผลที่โม้ไว้มีสักกี่ % ?
มีผลข้างเคียงที่ไม่หาย กี่ % ?
มีผลข้างเคียงที่หายได้เอง กี่ % ? ต้องใช้เวลากี่เดือนในหารหาย ?
หมอแต่ละคนที่ทำ สามารถควบคุมผลได้เท่ากันแค่ไหน ?
หมอแต่ละคนต้องเรียนรู้นานแค่ไหน และทดลองทำมาทั้งหมดกี่ร้อยคน ถึงจะคุมผลได้ ?
ผมว่าในประเทศไทย ไม่มีหมอคนไหนกล้าให้คำตอบพวกนี้หลอกครับ
เพราะ ตัวเลขอาจจะน่าเกลียด น่ากลัวกว่าที่เรามโนภาพไว้ก็ได้
หรือ เพราะว่า ไม่มีสถิติที่แน่นอน เพราะมันมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ไม่ได้ผลเยอะเกินไป
หรือ เสี่ยงมีผลข้างเคียงมากเกินไปนั่นเอง
5. สำหรับคนไข้ โครงหน้าแบบนี้ สภาพผิวแบบนี้ มันควรมีโอกาสเสี่ยงไม่ได้ผลกี่ %
หรือ โครงหน้าแบบนี้ มีโอกาสเสี่ยง มีผลข้างเคียงกี่ %
อย่าบอกนะว่า จะได้ผลทุกคน .... โกหกหน้าซื่อ ๆ
โบท็อกส์ ไม่ได้ได้ผลดีสำหรับการฉีดกรามทุกคน
ฟิลเลอร์ ที่ฉีดผิดเทคนิค ก็ไม่ได้ผลในบางคน
ร้อยไหม อาจจะได้ผลกับคนไข้บางสภาพปัญหาแค่นั้น
ไม่ใช่ คนไข้อย่างได้หลงเข้ามานะ ตรูจับฉีด เสียบ หมด เพราะตรูจะเอาเงินไง
6. การแทงเข็มเชิงลึกลงใต้ผิวคนนั้น โดยเฉพาะหน้า
ถ้าคนทำไม่รู้ลึก รู้จริง ๆ แบบน้อง ๆ กางตำรามาทำ
บวกกับประสบการณ์การทำที่น้อยเกินไป
อาจจะทำให้เกิดความซวยแบบหมอไม่ตั้งใจบนหน้าคนไข้ เช่น
แทงเฉียดเส้นประสาท จนปากเบี้ยว หน้าเบี้ยว
หรือ โดนเส้นเลือดจนช้ำมาก คางโย้ไปหลายสัปดาห์
ไหนจะเสี่ยงติดเชื้อเข้าตามรูเข็ม ที่มีอะไรคาอยู่ในหน้าคนไข้อีก
ไหนจะพังพืดที่อาจก่อตัวเกินความจริง จนหน้าปูด หน้าบวม หน้าเป็นตุ่ม
ซึ่งให้ผมคิดตามเล่น ๆ หมอคนที่ทำก็จะบอกว่า ให้รอไปเรื่อย ๆ
สรุปว่า ช่วยไม่ได้นะ ซวยอย่างเดียว เงินไม่คืนด้วย เหอ ๆ
7. ในกรณีที่วิธีการใหม่ ๆ เข้ามา ผมมักจะนิ่งเฉย รอฟังเรื่องราวจากคนไข้ใหม่ ๆ
ที่ไปลองทำพวกนี้มา ทั้งพวกที่ผ่าน อย. และไม่ผ่าน อย. แล้ว
แม้กระทั่ง เลเซอร์พวกแพงมาก ๆ หรือ พวกฉีด ๆ สอด ๆ เสียบ ๆ กลิ้ง ๆ จิ้ม ๆ ทั้งหลายด้วย
ผมถือว่า ผมไม่เอาเปรียบโดยการยืมหน้าคนไข้ผมมาหัดทดลองทำครับ
มัน Unfair ครับ
เกือบ 100 ทั้ง 100 เสียงตอบรับออกไปในเชิง “ไม่ได้ผลตามที่โม้เป็นส่วนใหญ่” ครับ
พอฟังสักหลาย ๆ เดือน หลาย ๆ คน โดยการที่ถามกันตรง ๆ ดื้อ ๆ ไปเลย ถามกันต่อหน้าต่อตา
ผมก็เลยรู้เลา ๆ แล้วหล่ะว่า ....... ส่วนใหญ่ ก็โดนหลอกต้มกันทั้งประเทศ
8. แถมพอมันเข้ามาประเทศไทยใหม่ ราคามักหฤโหด เพราะมันคือความเท่แบบซื้อได้ด้วยเงิน
แต่ไม่ใช่ซื้อด้วยสมอง ที่จะได้ใช้วิธีการใหม่ แบบว่า ตรูคนกลุ่มแรก ๆ ที่ได้ทำในประเทศนะเฟ้ย
หรือ อูย เราทำตัวเดียวกับดาราคนนั้นเลย แบบว่ามันแปล๊บเข้ากลางใจจัง
หรือ โห แพงขนาดนี้ มันต้องสุดยอดแน่ ๆ ไม่กี่แสนเอง เด็ก ๆ มากสำหรับเรา
หรือ ไม่ได้แหละ ไฮโซคนนั้นมันไปทำก่อนเรา เราก็ไฮซ้อ เราต้องทำบ้าง
แถมต้องทำแพงกว่ามันด้วย ทำเสร็จเดี๋ยวออกคอลัมภ์กอสซิปข่มไปเลย
พอไฮโซ ดารา แข่งกันโดนหลอก ถมเงินไปทำอะไรใหม่ ๆ แน่นอน ก็จะมีการอ้างตามมา
ว่าดาราคนนั้น ไฮโซคนโน้นก็ทำ เพื่อมาหลอกคนชั้นกลางถึงบน ให้ตามไปทำบ้าง
แต่ผมจะบอกต่อไปว่า คนเหล่านี้ คือ “หนูทดลองชั้นดีที่สุด”
เพราะว่า พร้อมจ่ายทุกราคา เพื่อแลกความเท่ โดยไม่สนผลว่าจะได้ดีหรือไม่
ไม่สนว่า มันจะผ่าน อย. หรือ FDA หรือไม่ (ส่วนใหญ่ ท้ายสุด อย. จะตามจับกัน ..... ฮา)
ไม่สนว่า จะคุ้มค่าเงินหรือไม่ (เพราะเงินมันใช้ไม่ทัน)
ไม่สนว่าจะเสี่ยงหรือไม่ (เช่นคนรวย สมัยหนึ่งที่ชอบไป โดนหมอกระเป๋าหลอกฉีดหน้าไง)
ไม่สนว่าจะมีคนเอาไปอ้างต่อ (เพราะจริง ๆ อยากให้เอาไปอ้างอยู่แล้ว คือ อวดรวยแข่งกัน)
ไม่สนว่า หมอคนที่ทำ เป็นแพทย์เฉพาะทางจริงหรือไม่ ทำวิธีการนี้มากี่คนกัน
ไม่สนอะไรทั้งนั้น
ขอแค่ให้ตรูได้ทำกลุ่มแรก ๆ ในประเทศก็พอ
ผมก็ขอเตือนว่า เวลาไปหาพวกหมอเชิงพานิชย์ จะเอาบัตรเครดิตไปกี่ร้อยใบ
วงเงินกี่แสนล้าน ก็เอาไปเถอะ แต่ขอให้เอาสมองพกใส่กระเป๋าไปเยอะ ๆ หน่อย
เสียดายเงินกับเวลา นั่นไม่เท่าไหร่
แต่ผมเสียดายหน้าที่พังแล้วซ่อมกลับมาไม่ได้มากกว่า
หรือ ใครไม่เคยเห็นข่าวดารา หน้าพังเพราะ ไปฉีดโน่นนี่มา ?
9. จากการที่ นั่งคุยแบบจับเข่าคุยกับคนไข้ที่ผ่านสมรภูมิเลือดมาทั้งหมด
ส่วนใหญ่ผมมักจะได้กลิ่นตุ ๆ ก่อน อย. จะตามจับเสมอ
ไม่ว่า จะลูกกลิ้งเลือดสาดเดอร์มาโรลเลอร์
หรือ ฉีดกลูต้า ตัวขาวบ้างไม่ขาวบ้าง รอดบ้าง ตายบ้าง
หรือ เสต็มเซลล์ ที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
9ล9
โอกาสได้ผลจริงต่ำมาก แบบน่าจะเบิร์ดกระโหลกพวกหมอที่อ้างกันจัง
แถมบางคน มีผลข้างเคียงตามมาด้วย
หลัง ๆ พอคนไข้บอกว่า ไปทำเดอร์มาโรลเลอร์มา ผมจะพูดสวนกลับไปเลยว่า
ไม่ได้ผลใช่ไหม เจ็บใช่ไหม แพงใช่ไหม คำตอบคือ ใช่ 100 % เลย ฮาไหม
…………………………………….……
ส่วน เทคนิกวิธีการร้อยไหม นั้น ผมยังตามเก็บสถิติอยู่ ว่าคนไข้ที่ไปทำจริง ๆ มากี่คน
ได้ผลจริงกี่คน เท่าทีคุยมา ตัวเลขน่าตกกะใจเหมือนกัน
คือ
ยังไม่สูงมากพอที่ผมจะลงไปร่วมขบวนการ “หมอร้อยไหม”
เหมือน “ขบวนการหมอเดอร์มาโรลเลอร์”
“ขบวนการหมอกลูต้า”
“ขบวนการหมอเสต็มเซลล์”
………………………………………..
ไอ้ผม มันก็พวกชอบสวนกระแส ก็เลยทำตัวเนิบ ๆ ในกรณีพวกวิธีการใหม่ ๆ
คือ ไม่อยากได้เงินแบบมือไม่สะอาด โดยวิธีเห่ย ๆ แต่ได้เงินง่ายเพราะโหนกระแส
เดี๋ยวรอให้เขา ขบวนการ “หมอร้อยไหม” ทดลองทำ ๆ ทึ้ง ๆ ไปสักพักก่อน
ถ้ามันดีจริง ๆ ผมก็จะลองทำครับ
แต่วิธีการต้องผ่าน อย. เท่านั้นครับ นั่นหมายถึง หมอทุกคนทำ ผลจะไม่ค่อยต่างกันมาก
และที่สำคัญ จะได้มีความปลอดภัยสูงด้วย
แต่ผมว่า ตราบใดที่ FDA อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น 9ล9 ไม่ปล่อยผ่านเรื่องวิธีการ
อย่าหวังว่า อย. ไทยจะปล่อยผ่านเลย จะเส้นใหญ่แข็งปั๋งแค่ไหน
หรือจะมี “โยะทปัจจัย” มากเพียงใด
(โยะท – มากจากคำภาษา โบราณว่า โยะใต้ตั๊ด แปลว่า อะไรคิดกันเอง)
เพราะ ทุกอย่างต้องมีจุดสมดุลในตัวของมันเอง
ถ้ามีคนทำเยอะ ๆ จ่ายแพง ๆ แล้วไม่ได้ผล อย. จะรับเรื่องร้องเรียนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
หรือ ทำแล้วหน้าเบี้ยว หน้าไม่เท่ากัน ปากเบี้ยว มีพังพืดงอกจากที่ใส่
แล้วมีคนมาฟ้อง อย. เยอะ ๆ ๆ ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ
แน่นอน จะนิ่งเฉยได้สักนานแค่ไหนกัน
แต่ถ้า อย. ทั่วโลกปล่อยผ่าน ซึ่งน่าจะอีกนานหลายปี
อย. ไทยก็น่าจะปล่อยผ่าน
ถึงตอนนนั้น หมอเนิบ ๆ คนนี้ จะค่อยทำ ก็ไม่สายไปหลอกครับ
จะรีบโดนหลอกกันไปทำไมครับ ? ใจร่ม ๆ กันบ้างก็ดี
ถ้าใครยังโดนหลอกกันไม่สาแกใจ ก็เอากันเข้าไป
………………………
ปล.
ข้อที่ 1
ถึงแม้จะมีคนมาเถียงว่า ทำไมฉันทำได้ผล ปลอดภัย
ผมจะถามกลับมา ถึงคุณทำได้ผล คุณกล้าการันตีผลให้ทุกคนในโลกที่เหลือไหม ?
ถึงคุณได้ผล แต่คนอื่นไม่ได้ผลมีกี่คน คุณตามดูทุกคนแล้วหรือว่าได้ผลจริงตามที่คุยหมด ?
แล้วถ้าคนอื่น ทำแล้วมีผลข้างเคียง คุณกล้าการันตีด้วยความรับผิดชอบคุณไหม
ว่าจะช่วยออกค่ารักษาให้ทั้งหมด ?
ข้อที่ 2
ใครอยากทำอะไร ผมไม่ได้ห้ามนะครับ เดี๋ยวจะหาว่า ไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน
คนกำลังจะฉึก ๆ กัน (หมายถึงหมอกำลังจะฉีด ๆ เสียบ ๆ หน้าคนไข้นะ )
ดันจะมาขัดลาภก้อนโต (ให้หมอบางคน)
แต่ถ้าทำแล้วไม่ได้ผล ช่วยกระจายข่าวให้โลกรู้ด้วย ถ้าแน่จริง
และเป็นคนจริง อย่าอมไว้แล้วกัน อย่ากลัวคนประณามว่าโง่
แต่ผมถือว่า คนยอมเป็นหนูทดลองให้เสียบ ๆ สอด ๆ ฉีด ๆ เพื่อเสียสละ
แถมจ่ายแพง ๆ ด้วยซ้ำ เพื่อล้วงความลับแบบหน้าแหก ๆ แต่
ล้วงความลับเสร็จ ต้องเผยความลับด้วยนะครับ อย่างนี้ถือว่าเสียสละเพื่อส่วนรวม
แบบหน้าแหกเล็ก ๆ แต่ถือว่า ใจใหญ่ใช้ได้ คนอย่างนี้คุยกันรู้เรื่องกับผมครับ