หน้าแรก ประวัติ รวมรูปภาพ ถามมา - ตอบไป History คนไข้ของเรา เว็บบอร์ด Video แผนที่เส้นทาง ติดต่อเรา

เมนู

 
Links Facebook


คนไข้ถามมา เรื่อง การร้อยไหม ได้ผล ? ปลอดภัย ?

(อ่าน 12007/ ตอบ 14)

DrKong


คำถาม ก่อนการตัดสินใจทำอะไรใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพ หรือความสวยงาม



ซึ่งจะใช้หลักการมาจับ เพื่อพิจารณา วิธีการร้อยไหม



 



……………………….



 



 



จากที่คุณแม่ของน้องคนไข้ท่านหนึ่ง ได้ผ่านคำถามมาทางเฟสบุ๊ค



2 ครั้ง เรื่องเดียวกับหัวข้อ



 



ผมเห็นว่า ถ้าตอบทางเฟสบุ๊ค เดี๋ยวเฟสบุ๊คเขาจะล่มเพราะน่าจะตอบแบบบานปลาย



เลยเอามาตอบในนี้แทน



 



น่าจะมีคนจ้องจะอ่านหลายคน เพราะ ตามกระแสกันจัง



หวังว่า คงมีคนได้แง่คิด ในแนวเชิงลึกสุดใจ นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์นะครับ



 



ผมตอบแบบโคตรบริสุทธิ์ใจ ตาใสปิ๊ง จริงใจสุด ๆ ถ้าใครเสียประโยชน์



ห้ามโทษกัน เพราะถือว่า ให้ความรู้เป็นกลาง ๆ กับประชานตาดำ ๆ



และใช้ประสบการณ์การพูดคุยตรง ๆ



กับคนไข้หลายท่านที่ผ่านการรักษาบางอย่างมาแล้วจริง ๆ ด้วย



 



ใครอยากถามเพิ่มก็ถามมาครับ ตอบได้จะพยายามตอบไปเรื่อย ๆ ครับ



 



.......................



 



ยาวหน่อย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆนะครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบ



 



......................



 



ผมวิจารณ์ในฐานะคนกลางแล้วกัน



 



ก่อนอื่นต้องบอกว่า โดยส่วนตัว อะไรที่ใหม่มาก ตามกระแสมาก ๆ



เช่น เดอร์มาโรลเลอร์ ฉีดกลูต้าตัวขาว เสต็มเซลล์ อะไรประมาณนี้



ผมไม่ค่อยชอบเป็นการส่วนตัวตั้งแต่มันเข้าเมืองไทยใหม่ ๆ



แหมมันจะฮิตถล่มทลาย จนหมอบางคนรวยก็จากไอ้พวกนี้



แต่ผมมีความรู้สึกว่า จากที่สัมผัสวิธีการ หรือ ผู้ที่นำมาเสนอขาย บทวิจัยที่ยังน้อยมาก



ผมว่า มันไม่ค่อยได้ผลตามที่คุย หรือมีความเสี่ยงสูงมาก ๆ




และตั้งราคากัน แพงอย่างบ้าเลือด (เนื่องจากผมรู้ต้นทุนจริง ๆ ๆ ๆ ของเจ้าพวกนี้หมดเลย)



แน่นอน ผมรู้ราคาต้นทุนของไหมที่ร้อย ด้วย




ผมว่า วิธีการที่ใหม่ ๆ ส่วนใหญ่จะมีจุดอ่่อนร่วมกัน หรือแยกย่อย ดังต่อไปนี้ครับ



ลองพิจารณาเป็นภาพรวมไปเลยก็ได้



 



…………………………………………….



 



 



1.        อย. ทั่วโลกได้รับรอง วิธีการนั้น ๆ แล้วหรือยัง หลัก ๆ ก็ อเมริกา ยุโรปส่วนใหญ่ ญี่ปุ่น



และประเทศพัฒนาแล้วทั้งหมดด้วย



พวกเดอร์มาโรลเลอร์ กลูต้า เสต็มเซลล์ เหล่านี้ไม่ผ่านนะครับ



ส่วนร้อยไหม ลองตามสืบดูครับ แต่ผมรู้สึกว่า น่าจะยังไม่ผ่านในเรื่อง วิธีการนะครับ



 



2.        ขอย้ำว่า วิธีการ กับตัวเครื่องมือหรือวัสดุ คนละประเด็นกันนะครับ



เพราะถ้า อย. อนุมัติวัสดุ หรือยานั้น เอาไปใช้อย่างหนึ่ง



หมอหัวการค้าเอาไปใช้อีกอย่างหนึ่ง แล้วบอกว่าผ่าน อย. แล้ว



อย่างนี้ ผิด กม. ครับ คือใช้ผิดวัตถุประสงค์



เช่น เอายาลดน้ำมูก ไปทำเป็นยาเสพติด แบบที่ออกข่าวฮือฮากันเมื่อสักพัก



เช่น เอายาดมสลบ ไปมอมยายรูดทรัพย์



เช่น เอาเจลทาผิว ไปฉีดหน้า อ้างว่าเป็นฟิลเลอร์ราคาถูก



เช่น เอาวิตามินซีแบบทา หรือกลูต้าแบบกิน ไปฉีดเข้าเส้น



9ล9



 



3.        อย. หรือ  FDA. ทั้งโลกนี้ เขารับรองคุณสมบัติอะไรบ้าง



อย่างไหม เขารับรองเรื่องการนำไปเย็บแผล เย็บอวัยวะต่าง ๆ



ก็รับรองไปตามคุณสมบัติข้อบ่งชี้แค่ที่ทำทดลองมานะครับ



การนำไปใช้เพิ่มเติมนั้น ถ้า อย. ไม่รับรอง ก็ไม่ควรนำมาใช้



โดยไม่มีจำนวนการทำวิจัยที่น่าเชื่อถือมากพอครับ



 



4.        ถามกันดื้อ ๆ ว่า โอกาสได้ผลจริง ตามที่หมอส่วนใหญ่โม้กันโครม ๆ นั้น



 



ได้ผลจริงกี่ % ?



ไม่ได้ผลเลยกี่ % ?



ได้ผลแค่ 10-20 % ของผลที่โม้ไว้มีสักกี่ % ?



มีผลข้างเคียงที่ไม่หาย กี่ % ?



มีผลข้างเคียงที่หายได้เอง กี่ % ? ต้องใช้เวลากี่เดือนในหารหาย ?



หมอแต่ละคนที่ทำ สามารถควบคุมผลได้เท่ากันแค่ไหน ?
หมอแต่ละคนต้องเรียนรู้นานแค่ไหน และทดลองทำมาทั้งหมดกี่ร้อยคน ถึงจะคุมผลได้ ?



 



ผมว่าในประเทศไทย ไม่มีหมอคนไหนกล้าให้คำตอบพวกนี้หลอกครับ



เพราะ ตัวเลขอาจจะน่าเกลียด น่ากลัวกว่าที่เรามโนภาพไว้ก็ได้



หรือ เพราะว่า ไม่มีสถิติที่แน่นอน เพราะมันมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ไม่ได้ผลเยอะเกินไป



หรือ เสี่ยงมีผลข้างเคียงมากเกินไปนั่นเอง



 



5.        สำหรับคนไข้ โครงหน้าแบบนี้ สภาพผิวแบบนี้ มันควรมีโอกาสเสี่ยงไม่ได้ผลกี่ %



หรือ โครงหน้าแบบนี้ มีโอกาสเสี่ยง มีผลข้างเคียงกี่ %



อย่าบอกนะว่า จะได้ผลทุกคน ....  โกหกหน้าซื่อ ๆ



โบท็อกส์ ไม่ได้ได้ผลดีสำหรับการฉีดกรามทุกคน



ฟิลเลอร์ ที่ฉีดผิดเทคนิค ก็ไม่ได้ผลในบางคน



ร้อยไหม อาจจะได้ผลกับคนไข้บางสภาพปัญหาแค่นั้น



ไม่ใช่ คนไข้อย่างได้หลงเข้ามานะ ตรูจับฉีด เสียบ หมด เพราะตรูจะเอาเงินไง



 



6.        การแทงเข็มเชิงลึกลงใต้ผิวคนนั้น โดยเฉพาะหน้า



ถ้าคนทำไม่รู้ลึก รู้จริง ๆ แบบน้อง ๆ กางตำรามาทำ



บวกกับประสบการณ์การทำที่น้อยเกินไป



อาจจะทำให้เกิดความซวยแบบหมอไม่ตั้งใจบนหน้าคนไข้ เช่น



แทงเฉียดเส้นประสาท จนปากเบี้ยว หน้าเบี้ยว



หรือ โดนเส้นเลือดจนช้ำมาก คางโย้ไปหลายสัปดาห์  



ไหนจะเสี่ยงติดเชื้อเข้าตามรูเข็ม ที่มีอะไรคาอยู่ในหน้าคนไข้อีก



ไหนจะพังพืดที่อาจก่อตัวเกินความจริง จนหน้าปูด หน้าบวม หน้าเป็นตุ่ม



ซึ่งให้ผมคิดตามเล่น ๆ หมอคนที่ทำก็จะบอกว่า ให้รอไปเรื่อย ๆ



สรุปว่า ช่วยไม่ได้นะ ซวยอย่างเดียว เงินไม่คืนด้วย เหอ ๆ



 



 



7.        ในกรณีที่วิธีการใหม่ ๆ เข้ามา ผมมักจะนิ่งเฉย รอฟังเรื่องราวจากคนไข้ใหม่ ๆ



ที่ไปลองทำพวกนี้มา ทั้งพวกที่ผ่าน อย. และไม่ผ่าน อย. แล้ว



แม้กระทั่ง เลเซอร์พวกแพงมาก ๆ หรือ พวกฉีด ๆ สอด ๆ เสียบ ๆ กลิ้ง ๆ จิ้ม ๆ ทั้งหลายด้วย



ผมถือว่า ผมไม่เอาเปรียบโดยการยืมหน้าคนไข้ผมมาหัดทดลองทำครับ



มัน Unfair ครับ



เกือบ 100 ทั้ง 100 เสียงตอบรับออกไปในเชิง ไม่ได้ผลตามที่โม้เป็นส่วนใหญ่ครับ



พอฟังสักหลาย ๆ เดือน หลาย ๆ คน โดยการที่ถามกันตรง ๆ ดื้อ ๆ ไปเลย ถามกันต่อหน้าต่อตา



ผมก็เลยรู้เลา ๆ แล้วหล่ะว่า ....... ส่วนใหญ่ ก็โดนหลอกต้มกันทั้งประเทศ



 



8.        แถมพอมันเข้ามาประเทศไทยใหม่ ราคามักหฤโหด เพราะมันคือความเท่แบบซื้อได้ด้วยเงิน



แต่ไม่ใช่ซื้อด้วยสมอง ที่จะได้ใช้วิธีการใหม่ แบบว่า ตรูคนกลุ่มแรก ๆ ที่ได้ทำในประเทศนะเฟ้ย



หรือ อูย เราทำตัวเดียวกับดาราคนนั้นเลย แบบว่ามันแปล๊บเข้ากลางใจจัง



หรือ โห แพงขนาดนี้ มันต้องสุดยอดแน่ ๆ ไม่กี่แสนเอง เด็ก ๆ มากสำหรับเรา



หรือ  ไม่ได้แหละ ไฮโซคนนั้นมันไปทำก่อนเรา เราก็ไฮซ้อ เราต้องทำบ้าง



แถมต้องทำแพงกว่ามันด้วย ทำเสร็จเดี๋ยวออกคอลัมภ์กอสซิปข่มไปเลย



พอไฮโซ ดารา แข่งกันโดนหลอก ถมเงินไปทำอะไรใหม่ ๆ แน่นอน ก็จะมีการอ้างตามมา



ว่าดาราคนนั้น ไฮโซคนโน้นก็ทำ เพื่อมาหลอกคนชั้นกลางถึงบน ให้ตามไปทำบ้าง



 



แต่ผมจะบอกต่อไปว่า คนเหล่านี้  คือ หนูทดลองชั้นดีที่สุด



เพราะว่า พร้อมจ่ายทุกราคา เพื่อแลกความเท่ โดยไม่สนผลว่าจะได้ดีหรือไม่



ไม่สนว่า มันจะผ่าน อย. หรือ FDA หรือไม่ (ส่วนใหญ่ ท้ายสุด อย. จะตามจับกัน ..... ฮา)



ไม่สนว่า จะคุ้มค่าเงินหรือไม่ (เพราะเงินมันใช้ไม่ทัน)



ไม่สนว่าจะเสี่ยงหรือไม่ (เช่นคนรวย สมัยหนึ่งที่ชอบไป โดนหมอกระเป๋าหลอกฉีดหน้าไง)



ไม่สนว่าจะมีคนเอาไปอ้างต่อ (เพราะจริง ๆ อยากให้เอาไปอ้างอยู่แล้ว คือ อวดรวยแข่งกัน)



ไม่สนว่า หมอคนที่ทำ เป็นแพทย์เฉพาะทางจริงหรือไม่ ทำวิธีการนี้มากี่คนกัน



ไม่สนอะไรทั้งนั้น



ขอแค่ให้ตรูได้ทำกลุ่มแรก ๆ ในประเทศก็พอ



 



ผมก็ขอเตือนว่า เวลาไปหาพวกหมอเชิงพานิชย์ จะเอาบัตรเครดิตไปกี่ร้อยใบ



วงเงินกี่แสนล้าน ก็เอาไปเถอะ แต่ขอให้เอาสมองพกใส่กระเป๋าไปเยอะ ๆ หน่อย



เสียดายเงินกับเวลา นั่นไม่เท่าไหร่



แต่ผมเสียดายหน้าที่พังแล้วซ่อมกลับมาไม่ได้มากกว่า



 



หรือ ใครไม่เคยเห็นข่าวดารา หน้าพังเพราะ ไปฉีดโน่นนี่มา ?



 



9.        จากการที่ นั่งคุยแบบจับเข่าคุยกับคนไข้ที่ผ่านสมรภูมิเลือดมาทั้งหมด



ส่วนใหญ่ผมมักจะได้กลิ่นตุ  ๆ ก่อน อย. จะตามจับเสมอ



ไม่ว่า จะลูกกลิ้งเลือดสาดเดอร์มาโรลเลอร์



หรือ ฉีดกลูต้า ตัวขาวบ้างไม่ขาวบ้าง  รอดบ้าง ตายบ้าง




หรือ เสต็มเซลล์ ที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว      


9ล9



โอกาสได้ผลจริงต่ำมาก แบบน่าจะเบิร์ดกระโหลกพวกหมอที่อ้างกันจัง



แถมบางคน มีผลข้างเคียงตามมาด้วย



 



หลัง ๆ พอคนไข้บอกว่า ไปทำเดอร์มาโรลเลอร์มา ผมจะพูดสวนกลับไปเลยว่า



ไม่ได้ผลใช่ไหม เจ็บใช่ไหม แพงใช่ไหม คำตอบคือ ใช่ 100 % เลย ฮาไหม



 



…………………………………….……



 



 



ส่วน เทคนิกวิธีการร้อยไหม นั้น ผมยังตามเก็บสถิติอยู่ ว่าคนไข้ที่ไปทำจริง ๆ มากี่คน



ได้ผลจริงกี่คน เท่าทีคุยมา ตัวเลขน่าตกกะใจเหมือนกัน



คือ



ยังไม่สูงมากพอที่ผมจะลงไปร่วมขบวนการ หมอร้อยไหม



เหมือน ขบวนการหมอเดอร์มาโรลเลอร์



ขบวนการหมอกลูต้า



ขบวนการหมอเสต็มเซลล์



 



………………………………………..



 



 



ไอ้ผม มันก็พวกชอบสวนกระแส ก็เลยทำตัวเนิบ ๆ ในกรณีพวกวิธีการใหม่ ๆ



คือ ไม่อยากได้เงินแบบมือไม่สะอาด โดยวิธีเห่ย ๆ แต่ได้เงินง่ายเพราะโหนกระแส



 



เดี๋ยวรอให้เขา ขบวนการ หมอร้อยไหม ทดลองทำ ๆ ทึ้ง ๆ ไปสักพักก่อน



ถ้ามันดีจริง ๆ ผมก็จะลองทำครับ



แต่วิธีการต้องผ่าน อย. เท่านั้นครับ นั่นหมายถึง หมอทุกคนทำ ผลจะไม่ค่อยต่างกันมาก



และที่สำคัญ จะได้มีความปลอดภัยสูงด้วย



 



แต่ผมว่า ตราบใดที่ FDA อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น 9ล9 ไม่ปล่อยผ่านเรื่องวิธีการ



อย่าหวังว่า อย. ไทยจะปล่อยผ่านเลย จะเส้นใหญ่แข็งปั๋งแค่ไหน



หรือจะมี โยะทปัจจัยมากเพียงใด



(โยะท – มากจากคำภาษา โบราณว่า โยะใต้ตั๊ด แปลว่า อะไรคิดกันเอง)



 



เพราะ ทุกอย่างต้องมีจุดสมดุลในตัวของมันเอง



ถ้ามีคนทำเยอะ ๆ จ่ายแพง ๆ แล้วไม่ได้ผล อย. จะรับเรื่องร้องเรียนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ



หรือ ทำแล้วหน้าเบี้ยว หน้าไม่เท่ากัน ปากเบี้ยว มีพังพืดงอกจากที่ใส่



แล้วมีคนมาฟ้อง อย. เยอะ ๆ ๆ ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ



แน่นอน จะนิ่งเฉยได้สักนานแค่ไหนกัน



 



แต่ถ้า อย. ทั่วโลกปล่อยผ่าน ซึ่งน่าจะอีกนานหลายปี



อย. ไทยก็น่าจะปล่อยผ่าน



ถึงตอนนนั้น หมอเนิบ ๆ คนนี้ จะค่อยทำ ก็ไม่สายไปหลอกครับ



 



จะรีบโดนหลอกกันไปทำไมครับ ? ใจร่ม ๆ กันบ้างก็ดี



ถ้าใครยังโดนหลอกกันไม่สาแกใจ ก็เอากันเข้าไป         



 



………………………



 



 



ปล.



 



ข้อที่ 1



ถึงแม้จะมีคนมาเถียงว่า ทำไมฉันทำได้ผล ปลอดภัย



ผมจะถามกลับมา ถึงคุณทำได้ผล คุณกล้าการันตีผลให้ทุกคนในโลกที่เหลือไหม ?



ถึงคุณได้ผล แต่คนอื่นไม่ได้ผลมีกี่คน คุณตามดูทุกคนแล้วหรือว่าได้ผลจริงตามที่คุยหมด ?



 



แล้วถ้าคนอื่น ทำแล้วมีผลข้างเคียง คุณกล้าการันตีด้วยความรับผิดชอบคุณไหม



ว่าจะช่วยออกค่ารักษาให้ทั้งหมด ?



 



ข้อที่ 2



ใครอยากทำอะไร ผมไม่ได้ห้ามนะครับ เดี๋ยวจะหาว่า ไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน





คนกำลังจะฉึก ๆ กัน (หมายถึงหมอกำลังจะฉีด ๆ เสียบ ๆ หน้าคนไข้นะ )




ดันจะมาขัดลาภก้อนโต (ให้หมอบางคน)



แต่ถ้าทำแล้วไม่ได้ผล ช่วยกระจายข่าวให้โลกรู้ด้วย ถ้าแน่จริง



และเป็นคนจริง อย่าอมไว้แล้วกัน อย่ากลัวคนประณามว่าโง่



แต่ผมถือว่า คนยอมเป็นหนูทดลองให้เสียบ ๆ สอด ๆ ฉีด ๆ เพื่อเสียสละ



แถมจ่ายแพง ๆ ด้วยซ้ำ เพื่อล้วงความลับแบบหน้าแหก ๆ แต่



ล้วงความลับเสร็จ ต้องเผยความลับด้วยนะครับ อย่างนี้ถือว่าเสียสละเพื่อส่วนรวม



แบบหน้าแหกเล็ก ๆ แต่ถือว่า ใจใหญ่ใช้ได้ คนอย่างนี้คุยกันรู้เรื่องกับผมครับ



DrKong

.



ตอบคุณณปภัช




กำลังเครียดเลยค่ะเรื่องร้อยไหม 1เดือนที่ผ่านมาอยากให้หน้าเล็กลงเลยไปปรึกษาคลินิค ชื่อ สยามคลีนิคภูเก็ต เราแค่ต้องการลดปก้มที่มันบานแต่ทางพนักงานขายแนะนำว่าถ้าแก้มเล็กลงเนื้อก็จะย้อยต้องร้อยไหมเพื่อดึงให้มันกระชับขึ้น คุยไปคุยมาเราก็ต้องการผลทีาชัดเจนตามคำเชียของพนักงานก็ตกลง ทำโปรแกรม ปรับกรอบหน้ายกกระชับทันที มีร้อยไหม+โบท้อก ราคา 39990 บาท ตกลงจ่ายเรียบร้อย พนักงานก็พาเข้าห้องไป ทายาชา พนักงานก็พยายามขายของอ่ะนะค่ะ ให้ฉีดฟิลเลอร์คางเพราะคางบุ่ม ฟิลเลอร์คางอยากทำมานานแล้วเลยตกลงทำไปอีก 13990 บาท ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งเดือนมองกระจกทีไรเจ็บใจทุกทีว่าทำไปได้งัย ห้าหมื่นกว่า หน้าแค่ตอบลงแค่นั่นออกกำลังกายเอาก็น่าจะตอบแล้วไม่ต้องเสียเงินตั้งหลายหมื่น เราสามารถร้องเรียนที่ไหนได้ค่ะ เครียดมากเลยค่ะ 



ณปภัช เมื่อ 06/11/2016 - 19:50


 


.



ปกติเราสามารถฉีดโบท็อกส์อย่างเดียวเพื่อให้แก้มเล็กลงได้ ร้อยไหมอาจจะไม่จำเป็น


ในกรณีไปทำมาแล้วไม่ค่อยได้ผล แต่ได้ผลเฉพาะโบท็อกส์ ก็ไม่แปลกครับ


เพราะการร้อยไหมนั้น เทคนิคหลาย ๆ อย่างยังไม่ผ่าน อย. 


จึงมีคนทำแล้ว ไม่ดีขึ้นตามโฆษณา หรือบางท่านมีผลข้างเคียงได้



ในกรณีร้อยไหม สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อย. หรือ สคบ.


หรือแพทยสภาได้ อาจจะมีคนไข้เคยสอบถามข้อมูลผ่านทางองค์กรเหล่านี้ไปบ้างแล้วครับ



มีแพทย์ในสมาคมแพทย์ผิวหนังได้เคยเตือนบ้างเป็นระยะเรื่องการร้อยไหม


แต่ก็ยังมีแพทย์ที่เน้นธุรกิจทำอยู่


ลอง Search หาดูข่าวได้ครับ



.

ณปภัช

กำลังเครียดเลยค่ะเรื่องร้อยไหม 1เดือนที่ผ่านมาอยากให้หน้าเล็กลงเลยไปปรึกษาคลินิค ชื่อ สยามคลีนิคภูเก็ต เราแค่ต้องการลดปก้มที่มันบานแต่ทางพนักงานขายแนะนำว่าถ้าแก้มเล็กลงเนื้อก็จะย้อยต้องร้อยไหมเพื่อดึงให้มันกระชับขึ้น คุยไปคุยมาเราก็ต้องการผลทีาชัดเจนตามคำเชียของพนักงานก็ตกลง ทำโปรแกรม ปรับกรอบหน้ายกกระชับทันที มีร้อยไหม+โบท้อก ราคา 39990 บาท ตกลงจ่ายเรียบร้อย พนักงานก็พาเข้าห้องไป ทายาชา พนักงานก็พยายามขายของอ่ะนะค่ะ ให้ฉีดฟิลเลอร์คางเพราะคางบุ่ม ฟิลเลอร์คางอยากทำมานานแล้วเลยตกลงทำไปอีก 13990 บาท ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งเดือนมองกระจกทีไรเจ็บใจทุกทีว่าทำไปได้งัย ห้าหมื่นกว่า หน้าแค่ตอบลงแค่นั่นออกกำลังกายเอาก็น่าจะตอบแล้วไม่ต้องเสียเงินตั้งหลายหมื่น เราสามารถร้องเรียนที่ไหนได้ค่ะ เครียดมากเลยค่ะ 

ณปภัช

กำลังเครียดเลยค่ะเรื่องร้อยไหม 1เดือนที่ผ่านมาอยากให้หน้าเล็กลงเลยไปปรึกษาคลินิค ชื่อ สยามคลีนิคภูเก็ต เราแค่ต้องการลดปก้มที่มันบานแต่ทางพนักงานขายแนะนำว่าถ้าแก้มเล็กลงเนื้อก็จะย้อยต้องร้อยไหมเพื่อดึงให้มันกระชับขึ้น คุยไปคุยมาเราก็ต้องการผลทีาชัดเจนตามคำเชียของพนักงานก็ตกลง ทำโปรแกรม ปรับกรอบหน้ายกกระชับทันที มีร้อยไหม+โบท้อก ราคา 39990 บาท ตกลงจ่ายเรียบร้อย พนักงานก็พาเข้าห้องไป ทายาชา พนักงานก็พยายามขายของอ่ะนะค่ะ ให้ฉีดฟิลเลอร์คางเพราะคางบุ่ม ฟิลเลอร์คางอยากทำมานานแล้วเลยตกลงทำไปอีก 13990 บาท ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งเดือนมองกระจกทีไรเจ็บใจทุกทีว่าทำไปได้งัย ห้าหมื่นกว่า หน้าแค่ตอบลงแค่นั่นออกกำลังกายเอาก็น่าจะตอบแล้วไม่ต้องเสียเงินตั้งหลายหมื่น เราสามารถร้องเรียนที่ไหนได้ค่ะ เครียดมากเลยค่ะ 

DrKong

.




เฉลย . . . ความลับ . . . เรื่องร้อยไหม ! ! . . . หลุดมาจากบริษัทขายผลิตภัณฑ์ . . . ( ^ )7 . . .




หมอต่าง ๆ ที่ร้อยไหม เผยว่าได้ผลจริงสักกี่ % ? 




มีหมอในไทย ทำวิจัยมาแล้วว่า ร้อยไหม ยกกระชับหน้าได้จริงหรือ ?




เวลาหมอต่าง ๆ อยากได้เส้นไหมที่จะมาร้อยหน้าราคาถูก เช่นหลักสิบบาท เขาจะทำอย่างไรกัน ?




บริษัท Botox ถึงขั้นทำใบคำเตือน เพื่อดูว่าขวดโบท็อกส์จริง และปลอม เขาดูกันอย่างไร ?




จากประสบการณ์การดูคนไข้จริง ๆ ที่ไปทำเลเซอร์ยกกระชับมาจริง ๆ ครั้งละ 70,000 - 150,000 บาท


มาทั้งหมดเป็นสิบ ๆ คน ได้ผลจริง ๆ ถึงเป้าหมายสักกี่คนกัน ?




๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑




มีคนในบริษัทขายเวชสำอางมาคุยให้ฟังว่า

ได้เข้าไปเสนอขายเวชสำอางให้หมอหลาย ๆ เจ้า ส่วนใหญ่จะร้อยไหมบนหน้าคนไข้


โดยอ้างว่าผ่าน อย. แล้ว แต่จริง ๆ นั้นไม่ผ่าน

เขาเลยได้ถามหมอเกือบทุกคนว่า ร้อยไหมแบบเกาหลีได้ผลแค่ไหน เพราะเวชสำอางเจ้านี้


ก็มาจากเกาหลีเหมือนกัน

หมอเกือบทุกคนจะตอบคล้ายกันว่า ได้ผลจริงเพียงแค่ 10 % ของคนที่ได้ทำทั้งหมด

นั่นคือ ทำ 10 คน พอเห็นผลจริงแค่ 1 คนเท่านั้น




๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑




ผมไปประชุมสามัญประจำปีของสมาคมแพทย์ผิวหนังที่ Centara Grand ที่ Central World

มีหมอคนไทยทำวิจัยเล็ก ๆ ในคนไทยว่า ร้อยไหม ทำให้หน้าตึงกระชับหรือไม่ ?

ผลคือ ไม่สามารถทำให้หน้ายกกระชับได้ตามที่โม้ไว้

อาจจะทำให้ตึงขึ้นบ้าง เพราะมีอะไรไปยัดไว้ที่หน้า หรือใสขึ้นจากไหมที่สีใส ๆ ก็ได้

ทำในคนไข้ 15 คน ตามดูมา 3 เดือน




๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑




เวลาหมอหลาย ๆ คนที่ต้องการลดต้นทุนราคาไหม จากที่ซื้อเส้นละหลายสิบบาท เวลาเขาบินไปดูงาน


ที่ ตปท เวลาบริษัทเกาหลีที่ขายไหมร้อยหน้า มาออกบู๊ทที่เกาหลี หมอพวกนี้ก็จะไปซื้อไหมละลายเอง


และหิ้วเข้ามาเลย




ลดต้นทุนได้เกือบครึ่งหนึ่ง ซื้อมาแค่หลัก สิบบาท

ขายกันคอร์สละหลายหมื่น หลายแสน บ้ากันดีครับ




๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ของแถมครับ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑




นวัตกรรมยกกระชับหน้า ที่ผมได้คุยกับคนไข้ที่ไปทำมาทีละประมาณ 70,0000-150,000 บาท


จากคลินิก หรือ รพ. เอกชนต่าง ๆ




ผมไม่เคยเจอคนที่ทำแล้วเห็นผลตามที่คุยโวไว้สักคน อย่างมากสุด คนไข้บอกว่าดูตึงขึ้นเล็กน้อย


ส่วนความหย่อนคล้อยก็ไม่ได้เปลี่ยนมากมาย ริ้วรอยก็ยังมีอยู่




ส่วนหนึ่งบอกว่าเจ็บมาก ให้ทำฟรีก็ไม่ทำซ้ำ

คนไข้ส่วนหนึ่งรู้ทันแล้วว่า โดนต้ม

มุกที่หมอพวกนี้ใช้ เวลาทำแล้วไม่ได้ผลเลย คือให้รอดู 3 เดือน ส่วนใหญ่ตามดูมาอีก 3-4 เดือน


ก็ไม่ได้ผลอยู่ดี แต่พอเนิ่นนานมา ก็ขี้เกียจจะเอาเรื่องหมอที่หลอกเงินไปแพง ๆ แล้ว

.

ใครสงสัยอะไร ก็ถามมาได้ครับ

.

DrKong

.



เหมือนมีคนจะพยายามดันกระทู้นี้ลงไป ก็เลยเอาขึ้นมาให้อ่านดูครับ



ไม่ดี่วันที่ผ่านมา คนไข้ท่านหนึ่งก๋ช็เล่าให้ฟังว่า เขาเกือบจะร้อยไหมแล้ว


ถ้าไม่เผอิญอ่านเวบของ JSLC ก่อน



พอตัดสินจะมาหาเรา และอ่านกระทู้นี้ แล้วเข้าใจ จึงไม่ร้อย



ปรากฏว่าพอไปคุยกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง เพื่อนบอกว่าไปร้อยแล้วไม่ได้ผลเลย



.



DrKong

.



อันนี้ เรื่อง เสต็มเซลล์ ครับ



อย. เขาเตือนมา ตามไปอ่านกันดีกว่าครับ



.

http://www.thairath.co.th/content/edu/284897

DrKong

.



ได้ลองหาดูเล่น ๆ ก็มีคนพูดถึงพอสมควร ในแง่ไม่เห็นด้วยครับ


อ่านแล้ว มีเหตุผลดี น่าเชื่อถือ เพราะเป็นแพทย์ผิวหนังจริง ๆ ที่ออกมาเตือนครับ



สรุปว่า อย. และ สมาคมแพทย์ผิวหนัง ไม่แนะนำให้ทำนะครับ



............................





กลายเป็นนวัตกรรมความงามที่กำลังระบาดมากที่สุดในขณะนี้ กับความแรงของกระแสการใช้


"ไหมละลาย" หรือ PDO (Polydioxanone) ซึ่งเดิมเป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการผ่าตัด


โดยสถาบันเสริมความงามชั้นนำหลายแห่งในประเทศไทย จับเอาเทคนิคร้อยไหมละลาย


จากประเทศเกาหลีมาเป็นตัวชูโรง ขายโฆษณาแก่ผู้ที่มีปัญหาคิ้วหรือหนังตาตก ผิวหย่อน คางสองชั้น


มีริ้วรอยบริเวณลำคอ ฯลฯ ว่านวัตกรรมดังกล่าวจะช่วยรักษาให้ผิวพรรณกลับมาเต่งตึงดังเดิมได้



    โดยระบุว่า ไหมละลายที่ร้อยเข้าไปนั้นจะกระตุ้นการสร้างเส้นเลือด นำไปสู่กระบวนการ


สร้างผิวและคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นกระชับตึงขึ้นในทันที ผิวพรรณจะกระจ่างใส


ภายใน 2 สัปดาห์ และร่างกายสามารถกำจัดไหมได้หมดภายใน 6 เดือน ขณะที่ผลของการร้อยไหม


จะคงสภาพได้นาน 2-3 ปี ที่สำคัญไม่ต้องเจ็บตัวกับการผ่าตัดอีกต่อไป และมีความปลอดภัยสูง


โดยมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 9,000 บาท จนถึงหลัก 100,000 บาท หากทำยกเซตทั้งใบหน้ารวมถึงคางและคอ



    เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ รองผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า


เทคนิคเสริมความงามด้วยการร้อยไหมเกือบทุกชนิด ทั้งการร้อยด้วยไหมแบบดั้งเดิมที่มีแฉกแง่ง


ไหมทอง หรือจะเป็นไหมละลายที่ฮิตกันอยู่นั้น ยังไม่มีผลการศึกษาแน่ชัดว่าเทคนิคดังกล่าวได้ผลจริงหรือไม่


และมีอันตรายมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในกรณีการร้อยไหมละลายที่มีค่าใช้จ่ายสูง


และต้องใช้ไหมจำนวนมากในการฉีดเข้าสู่ใบหน้า โดยปกติการร้อยไหมละลายแบบเดิม


ใช้เพียง 2-8 เส้นต่อแก้ม 1 ข้าง แต่หากเป็นการร้อยไหมละลายแล้ว จะใช้เส้นไหม 20-30 เส้น


ต่อแก้ม 1 ข้าง



    "ตัวไหมละลายมีความปลอดภัยจริงเพราะเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ถามว่าได้ผลตามที่โฆษณา


จริงหรือไม่ ตรงนี้ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันในระยะยาวได้ เนื่องจากการยิงเส้นไหม


เข้าไปในผิวหนัง เป็นธรรมดาที่จะเกิดการอักเสบ และอาการชอกช้ำนี้เองจะไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน


ส่วนอายุของไหมละลายจะอยู่ได้ 6 เดือนถึง 1 ปี เมื่อไหมละลายสลายไปพร้อมกับอาการระบมทุเลา


ผิวหน้าที่เคยตึงก็จะกลับมาหย่อนคล้อยอีกครั้ง ไม่ได้มีผลต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปีอย่างที่อวดอ้าง


จึงอยากให้ผู้ที่ต้องการทำไตร่ตรองในหลายมิติ ทั้งค่าใช้จ่าย ผลข้างเคียง


และช่วงระยะเวลาของการได้ผล" รอง ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กล่าว



    อย่างไรก็ตาม นพ.จินดา ยังระบุถึงอันตรายของการใช้วิธีร้อยไหมชนิดอื่นๆ


เพื่อเสริมความงามต่อด้วยว่า เทคนิคการร้อยไหมมีนานแล้ว โดยมีวิวัฒนาการจากไหมปกติ


ที่มีแง่งเล็กๆ อยู่รอบผิวนอกของเส้นไหม เพื่อเอาไว้เกี่ยวพยุงเนื้อให้ยกกระชับ


แต่การยิงเส้นไหมเพียง 2-4 เส้นต่อแก้ม 1 ข้าง ไม่สามารถพยุงกล้ามเนื้อให้ใบหน้ายกกระชับได้จริง


เพราะมวลกล้ามเนื้อมีน้ำหนักมากกว่า จึงทำให้เกิดอาการหย่อนคล้อยในภายหลังจนเลิกฮิตทำในที่สุด



    ทว่า ต่อมาก็มีนวัตกรรมร้อยไหมทองเข้ามาบูมอีกครั้งหนึ่ง โดยการร้อยไหมทองนี้ทาง


สถานเสริมความงามนำเอาทองมาเป็นตัวขายดึงดูดความน่า สนใจ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว


ไหมทองนี้พยุงกล้ามเนื้อไม่ได้เลย เนื่องจากมีพื้นผิวเกลี้ยง แถมเส้นไหมยังมีขนาดเล็กมาก


จนแตกป่นได้ง่าย อีกทั้งทองยังเป็นธาตุเฉื่อยที่ไม่น่าจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้จริง


หรือถ้ากระตุ้นได้ก็น่าจะกระตุ้นได้น้อย แบบไม่เกิดปฏิกิริยากับผิว


และเมื่อเส้นไหมเกิดการแตกหัก แล้วก็นำออกจากเนื้อเยื่อได้ยาก


ตนจึงคิดว่านวัตกรรมการร้อยไหมเพื่อปรับโครงสร้างหน้าตาหรือรูปร่าง


เป็นการเสริมความงามที่มีความเสี่ยงสูง และไม่คุ้มค่าแก่การเสียเงินทำ แม้จะไม่มีอันตรายถึงชีวิตก็ตาม




.

DrKong

.



คนไข้ใหม่ 1 ท่านที่มาวันนี้ไปโดนหลอกร้อยไหม จากคลินิกที่เน้นธุรกิจ


ลงโฆษณาสร้างภาพ แต่ร้อยออกมาไม่ได้ผลเลย




ที่สำคัญแค่จามออกมา ปลายไหมหลุดมาจากจมูก ถึงขนาดดึงออกมาได้มากกว่า 1 เส้น . . .


สยองดีครับ . . .




ตอนนี้มีคนไข้ใหม่ที่เคยไปทำร้อยไหมมาเจอผม 8-9 คนแล้ว สิ่งที่เหมือนกันอยู่ 1 อย่าง คือ


ไม่มีใครเห็นผลตามที่หมอคุยโม้ไว้แม้แต่คนเดียว แถมครึ่งหนึ่งมีผลข้างเคียงมาอีกครับ




ก็อ่านเยอะ ๆ คิดเยอะ ๆ อย่าไปฟังโฆษณามากครับ




คนไข้คนนี้ เขารู้สึกว่า มันอ่าจจะดีขึ้นจากการฉีดโบท็อกส์ ฟิลเลอร์ไปด้วยมากกว่า




.

DrKong

.



* * 100 เรื่อง เตือนภัย เตือนใจ ผิวพัง หน้าพัง ระวังไว้ * * ตอนพิเศษ เรื่องที่ 5  .  .  .  . 



ยกมาจาก Facebook ของเรา ตามาไปอ่านเรื่องเก่า ๆ ที่เคยเตือนได้ตามลิงค์ด้านล่างครับ



วันนี้ มาตามนัดครับ เรื่อง ร้อยไหม ได้ผลจริง ? ปลอดภัยหรือไม่ ?   .  .  .



พอดีที่พูด เพราะมีคนไข้ใหม่เลเซอร์ 1 ท่าน เพิ่งไปร้อยไหมมา


ประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากคลินิกเล็ก ๆ ที่หนึ่ง ที่น่าจะไม่ใช่หมอผิวหนัง  .  .  .


ปรากฏว่า แก้มด้านขวามีรอยช้ำ


และที่สำคัญ ***  มีตุ่มนูน ที่เพิ่งเกิดหลังร้อยไหม 3 จุด ซึ่งคนไข้ก็ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร ??? 




ให้ระวังหน่อยครับ เท่าที่ผมเจอมากับตัว เป็นคนไข้ที่เคยไปร้อยไหม


มาจากทั้งคลินิกต่าง ๆ และ รพ. เอกชน ประมาณ 7-8 คน


ทุกคนเหมือนกันอยู่ 1 อย่าง คือ ไม่มีใครเห็นผล ***

และที่สำคัญ



"มีผลข้างเคียงไป 4 คน"




มีปากเบี้ยวเล็กน้อยไป 1 ท่าน ,


คางย้อยไม่เท่ากันไป 1 ท่าน ,


พังพืดแดง ๆ เรื้อรังจากปลายไหมที่โผล่ออกมา 1 ท่าน ,


ตุ่มพังพืด 3 จุด ร่วมกับหน้าช้ำไป 1 ข้าง อีก 1 ท่าน




ผลข้างเคียง ทั้งหมด หมอที่ร้อยให้ ไม่มีใครแก้ได้แม้แต่คนเดียว




ก็ให้ระวังไว้ไว้หน่อยครับ

ปัญหา คือ การรักษาใหม่ ๆ ที่หมอมาหัดทำกัน มันไม่สามารถคุมผลได้แน่นอน


แถมยังมีความเสี่ยงผลข้างเคียงสูงด้วย




แถมการร้อยไหม เป็นการเสียบเข็มเชิงลึก จึงคาดเดายากว่า จะไปเสียบอะไรบ้าง ????




ตอนไปประชุมที่ ศิริราช อาจารย์หลายท่านก็ยังเตือน ไม่ให้แพทย์ที่มาประชุมทำร้อยไหม




ลองไปอ่านเพิ่มเติม ได้ครับ ตามลิงค์ข้างล่างนี้ครับ



.

http://www.facebook.com/JaranSkinClinic

DrKong

.



มีคนไข้ หลายท่านมาขอบคุณที่ให้ข้อมูลให้ได้คิด



เพราะกำลังจะไปร้อยไหม



พออ่านบทความของที่นี่ เลยเปลี่ยนใจ ยังไม่ไปร้อยไหม



พอเวลาผ่านไป ก็ไม่ได้ไปทำแล้ว



ประหยัดเงินให้คนไข้แต่ละคนไปเป็นแสน



แถม ไม่เอาหน้าไปเสี่ยงผลข้างเคียงอีก



.

DrKong

.



ด่วน !!!



ข่าวล่ามาเร็วครับ



จากที่ไปประชุมด้าน Anti-aging ที่ รพ. ศิริราชมา



ทางอาจารย์หลายท่าน ได้พูดบนเวทีไปแล้วครับว่า



การร้อยไหม ไม่ผ่าน อย. และแพทยสภา


ยังไม่มีวิจัยยืนยันถึงความปลอดภัย และได้ผล ทีดีพอจะมาอ้างอิงเรื่องมาตรฐาน



จึงแนะนำต่อว่า ไม่ให้ทำ



แถมมีคนไข้ 3 คนที่มีผลข้างเคียง เรื่องพังพืด และแผลติดเชื้ออันใหญ่ที่จมูกครับ


หมอที่ร้อยไหมให้ แก้ไม่ได้ คนไข้จึงมาแก้ปัญหาที่ศิริราช



ระวังกันไว้หน่อยครับ คิดให้เยอะ ๆ ก่อนทำอะไรตามกระแส



.

DrKong

.



เทคนิคการหลอกล่ออีกอย่าง คือ



การพยายามให้ฉีดโบทอกส์ หรือ ฟิลเลอร์ ร่วมกับการร้อยไหม


สมมุติว่าหน้าดีขึ้นบ้าง


แต่ผมจะถามว่า หน้าที่ดีขึ้น ดีจากอะไรกันแน่?



อาจจะดีขึ้นจากฟิลเลอร์ หรือ โบทอกส์ อย่างเดียวก็ได้ ถูกไหม ?



นี่คือ 1 ในเทคนิคที่คนไข้โดนมา ขนาดเขาทำ 2-3 อย่างพร้อมกัน ยังไม่ค่อยยจะได้ผลเลย



แปลกแต่จริง



.

DrKong

.



เอาใหม่ครับ ให้ลิงค์ใหม่



ริ้วรอย ยกกระชับ แบบปลอดภัย ได้ผล ไม่เสี่ยง ทำกันอย่างไร



ตามอ่านกันได้เลยครับ



.


http://www.jaranskinclinic.com/articles/41944860/%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%20%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%20%E0%B8%95%

DrKong

.



ยกตัวอย่าง สิ่งที่ JSLC ทำแล้วหน้ายกระชับ หน้าตึง


ตามไปอ่านได้ที่ลิงค์ด้านล่างเลยครับ



.

http://www.jaranskinclinic.com/webboards/948895/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8

Page : 1
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

ระดับคอร์ส และ ราคาคอร์ส

BANNER
BANNER
BANNER
banner
BANNER
BANNER
Banner
Banner
  จรัลการแพทย์ คลินิกผิวหนัง-เลเซอร์
view