มาตรฐานแพทย์ผิวหนัง คืออะไร ?
แพทย์ผิวหนัง ต้องมีคุณสมบัติ อย่างไร ?
ตอบ เรียนแพทย์เฉพาะทาง ในโรงเรียนแพทย์ ที่มีการเรียนการสอน ด้านผิวหนัง ตามที่แพทยสภากำหนด ตามเวลาที่กำหนด อาจจะเรียน 3-4 ปี และ ทีสำคัญสอบผ่านวุฒิบัตร หรือ อนุมัตรบัตรได้ด้วย หรือ Thai Board of Dermatology
ทำไมควรรักษากับแพทย์ผิวหนัง ? ตอบ
ถ้าเลือกได้ เราเป็นโรคผิวหนัง หรือ ภาวะผิดปกติที่ผิวหนัง ผิวหน้า แล้วดูไม่หายง่าย ๆ การรักษากับ แพทย์เฉพาะทาง ก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยมากกว่า เพราะมีความเชี่ยวชาญในการตรวจ วินิจฉัย แต่ถ้าเราไม่สามารถหาแพทย์ผิวหนังได้ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ อาจจะปรึกษาแพทย์ทั่วไปก่อนก็ได้ ถ้าลองรักษาสักพักแล้วไม่ดีขึ้น แล้วค่อยขวนขวายหาแพทย์ผิวหนังก็ได้ บางที่เปิดเป็นสิบสาขา พยายามออกตัวว่าเป็นแพทย์ผิวพรรณ ผิวหน้า ซึ่งตามกฎหมายก็อาจไม่ผิด ก็ควรพิจารณาให้ดีว่า คลินิกนั้น ๆ มีความน่าเชือถือแค่ไหน และไม่ควรหลงเชื่อโฆษณามากเกินไป ตรวจรักษาผิวของเราไดh และอาจจะดีกว่าแพทย์ผิวหนังบางท่านที่เน้นด้านธุรกิจมากเกินไปก็ได้ ทั้งนี้นทั้งนั้น เราก็ใช้วิจารณญาณในการเลือกรักษามากขึ้นก็ดีครับ อย่าโดนหลอกง่าย
ตอบ
แพทย์เฉพาะทางส่วนใหญ่ เรียนมามาก รู้ละเอียด จึงจะเน้นเรื่องความปลอดภัยของการรักษา มากกว่าคลินิกรักษาหน้าทั่วไป .... ซึ่งเปิดมาเพื่อเน้นทำธุรกิจเป็นหลัก ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องความถูกต้อง ของการวินิจฉัยสภาวะปัญหา และการรักษาที่เห็นผลจริง ปลอดภัยจริง
ทำอย่างไร จึงรู้ว่า แพทย์ ท่านนั้น ๆ เป็นแพทย์ผิวหนัง ?
ตอบ เราสามารถตรวจเช็คได้ว่าแพทย์ท่านั้นเป็นแพทย์ผิวหนัง จากเวปไซด์ของสมาคมแพทย์ผิวหนัง http://www.dst.or.th/ เช่น ถ้าเป็นชื่อแพทย์ผิวหนัง ของผม ก็สามารถเสิร์จเจอได้ในหน้านี้ http://www.dst.or.th/list_search.php แพทย์ที่รักษาหน้า ที่จบหรือดูงานด้านผิวหนัง จากทั้งในประเทศ หรือจากต่างประเทศ ที่เรียน หรือดูงานประมาณ 1 ปี โดยไม่ได้ Board of Dermatology นับเป็นแพทย์ผิวหนังหรือไม่?
ตอบ และ แพทยสมาคม รองรับ รับรอง คือแพทย์ที่ผ่านการสอบบอร์ด (วุฒิบัตร หรือ อนุมัติบัตร) ตจวิทยา (แพทย์ผิวหนัง) เพียงแต่อาจไม่รู้มาก ไม่เชี่ยวชาญเรื่องการรักษาเท่าแพทย์ผิวหนัง แพทย์บางท่านก็ไม่สามารถเข้ารับ การเทรนเพิ่มเติมแบบ เต็มรูปแบบได้ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ก็จะเข้ารับการอบรมเพิ่มเติม เช่น เรียนแบบดูงานธรรมดา หรืออบรมระยะสั้น 3 เดือน 5 เดือน 1 ปี จากบางสถาบันทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งก็ถือว่า ได้ความรู้เพิ่มเติมมา มากน้อยแล้วแต่เรียนที่ใด นานแค่ไหน และก็เป็นคนเอาจริงแค่ไหน แต่ให้เทียบเท่าแพทย์ที่เรียนมานาน และสอบผ่านบอร์ดมาคงไม่ได้ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็ถือว่า แพทย์บางท่านก็อาจใช้ประสปการณ์การดูงานมากมาย และการเรียนระยะสั้น มาปรับใช้กับ การรักษาจนเก่งขึ้นก็ได้ เข้ารับการรักษาด้วย เพื่อผลประโยชน์ของตัวท่านเอง ถ้าไม่แน่ใจ อาจจะปรึกษามากกว่า 1 ที่ ก่อนรับ การรักษาหรือ ดูภาพรวมคลินิกนั้น ๆ แพทย์ท่านนั้น ๆ ว่า ดูเป็นอย่างไรก็ได้ พูดแบบมีหลักฐาน ทางการแพทย์ และมีผลงาน มีรูปผลการรักษาจริง ๆ ของแพทย์ท่านนั้นให้ดู มีหลักการรักษาอย่างไรด้วย ทำไมถึงรู้ว่า คลินิกรักษาหน้านั้น ๆ เป็นคลินิกแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง ? ถ้าเป็นคลินิกของแพทย์ผู้เชียวชาญด้านผิวหนัง ก็อาจจะมีคำว่า คลินิกผิวหนัง อยู่ด้วย หลังชื่อคลินิก ถ้าไม่มี ก็สอบถามทางคลินิกไปเลยว่า แพทย์ที่อยู่ทุกวันนั้น เป็นแพทย์ผิวหนังกี่คน คนไหนบ้าง เรียนกี่ปี จบสถาบันไหน สอบผ่านบอร์ดหรือไม่ ประสปการณ์มากน้อยแค่ไหน
แพทย์ผิวพรรณ แพทย์ผิวหน้า แพทย์ชะลอวัย แพทย์ทางเลือก ก็มักจะ ใช่ หรือ ไม่ใช่แพทย์ผิวหนัง ? ส่วนใหญมักจะไม่ใช่ ส่วนใหญ่แพทย์ผิวหนังมักจะใช้คำว่าแพทย์ผิวหนังเลย เพราะว่าเป็นคำที่บอก ความเชี่ยวชาญที่ยอมรับทั้งโลก ภาษาอังกฤษ คือ Dermatologist ไงครับ ส่วนแพทย์ผิวพรรณ ผิวหน้านั้น ผมไม่แน่ใจว่า มีศัพท์อะไรมาเรียกไหม Facial Doctor? Cosmetic Doctor? ต้องถามทาง สมาคมแพทย์ผิวหนังกันเอง แล้วหล่ะครับ
หลัง ๆ จะมีแพทย์ด้านชะลอวัย เพิ่มเข้ามาอีก ก็ไม่ใช่แพทย์ผิวหนังที่เรียนมาโดยตรงด้านผิวหนังอยู่ดีครับ ยังไงความรู้ด้าน การรักษาวินิจฉัย-รักษา-แก้ปัญหา-ป้องกัน ปัญหาด้านผิวหนัง ผิวหน้า ก็ยังสู้แพทย์ผิวหนังตรง ๆ ไม่ได้อยู่ดี
ไม่ไช่ เพราะจะเน้นไปทางนวด มาส์กหน้า ทรีทเมนท์ที่เป็นแบบดูแลมากกว่า แต่มีบางที่ก็อวดอ้าง สรรพคุณมากเกินไป บางที่ก็เอายาแพทย์แอบผสมเข้าไปในครีม เอาให้ผู้รับการบริการก็มี เพื่อให้หน้าขาวใส ซึ่งใช้ไปมา โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ที่ถูกต้อง ก็เสี่ยงเหมือนกันนะ ระวังไว้
รักษาระยะยาวได้ไหม ? โดยส่วนตัว ผมคิดว่า ความปลอดภัยของแพทย์ผิวหนังที่รักษาคนไข้ น่าจะประมาณ 99.9 ถึง 99.99 % คงไม่ 100 % ยิ่งถ้าเราสามารถเลือกแพทย์ผิวหนังที่มีจรรยาบรรณดี รักษาแล้วดีขึ้นจริง เห็นผลไว และชัดเจน ไม่เลี้ยงไข้ ไม่โฆษณาเกินจริงแบบโอเวอร์ ก็ยิ่งดี ถุกไหมครับ . ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- . ตอนที่ 2 - สิ่งที่เราควรรู้ ก่อนไปทำหน้ากับคลินิกตามห้าง คลินิกที่มีสาขามาก ๆ คลินิกที่ไมใช่หมอผิวหนังจริง ๆ คลินิกที่พยายามจะแสร้งทำเป็นหมอผิวหนัง ที่เอาคอร์สอะไรก็ไม่รู้ ราคาถูกแบบเกินจริง หรือราคาแพงโอเวอร์แต่ทำแล้ว ไม่ได้ผลตามที่คุย แต่ดันเอามาให้เราซื้อ
คำถาม - ทำไมไปทำเลเซอร์ตามคลินิกตามห้าง เวลาลดราคาเยอะ ๆ ถึงไม่ค่อยได้ผล ทั้ง ๆ ที่ ก็ใช้เลเซอร์ที่ชื่อคุ้น ๆ เช่น IPL 9ล9 ( Update 21 กพ 55 ) ตอบ เวลาบางคลินิก ลดราคาค่าเลเซอร์เยอะ ๆ แบบดูไม่น่าจะเป็นไปได้ เช่น ลด 90-95 % ฟังดูดี ราคาถูกเหมือนได้ฟรี แต่พอทำจริง จะจบคอร์สแล้ว ยังไม่ได้ผลอะไรกลับมาเลย จนโยนคอร์สทิ้ง เหมือนโดนหลอกให้ไปซื้อยา ซื้อคอร์สเพิ่มเรื่อย ๆ มากกว่า โดยตรรกะ คลินิกรักษาหน้าส่วนใหญ่ตั้งขึ้นมา ขยายสาขากันมาก ๆ เพื่ออะไรหล่ะ เพื่อช่วยเหลือผู้คนหรือ ??? หรือเพื่อผลกำไรสูงสุด กันแน่ !!!! ทำไมต้องแข่งกันโฆษณา ลงแมกกาซีน เขียนบทความ ออกทีวี วิทยุ จ้างพรีเซนเตอร์ กันมากมาย แข่งกันดัมพ์ราคาค่ารักษาอย่างบ้าเลือด ไปเอา การรักษาใหม่ ๆ ไม่ผ่าน อย. เกือบทั้งโลก รวมทั้งในไทย เข้ามาโฆษณา หลอกล่อ ให้คนไปทำ แล้วก็ไม่ได้ผลกันมากมาย ทั้งหมด ทั้งมวล คือ เพื่อผลกำไร ใช่ไหม ??? เพราะฉะนั้น การลดราคาแบบบ้าเลือดนั้น มักจะซ่อนอะไรไว้ โดยที่คนไข้ส่วนใหญ่ มักคิดตามไม่ทัน ส่วนใหญ่ก็อะไรก็ได้ที่สามารถลดต้นทุน ให้ต่ำที่สุด โดยลดคุณภาพในเกือบทุกแง่มุม เพื่อให้การลดราคา 90-99% นั้น ไม่ขาดทุน หรือ ยังมีกำไร !!!!!! เช่น 1. เอาเลเซอร์ตัวที่ ไม่ใช่ตัวจริงที่โฆษณา และมีราคาถูกกว่า 5-10 เท่า มาทำให้ บางคลินิก หรือสถานเสริมความงามบางที่สามารถลดราคาได้ถึง 10 เท่า สบาย ๆ 2. ยิงจำนวนช็อตของเลเซอร์ ลดลง ไม่ทำตามที่คนจ่ายราคาปกติได้ทำ เพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่องต้นทุนค่าช็อต หรือ ค่าหัวเลเซอร์ ซึ่งควรเปลี่ยนสำหรับคนไข้คนนั้น ๆ กลับนำมาใช้ซ้ำ ในคนไข้เป็นสิบ ๆ คน จึงทำให้ต้นทุนถูกลง แต่ก็ไม่ได้ผล หรือมีผลข้างเคียงได้ 3. พอจะทำเลเซอร์จริง ให้หมอที่จบใหม่ทำให้ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกทำเหมือน หมอที่เก่งกว่าจะทำให้ เพราะหมอจบใหม่ ค่าแพทย์ถูกกว่า แต่ฝีมอก็ด้อยกว่า 4. แถมแย่กว่านั้น บางคลินิก เอาเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ใช่แพทย์ มาทำให้เลย ค่าแพทย์ บาทเดียวยังไม่ยอมจ่ายเลย พอไม่ใช่แพทย์ ทำจริง ทั้งไม่ได้ผล ทั้งมีผลข้างเคียง แก้ไม่ได้อีก 5. เอาเลเซอร์ตัวนั้น ๆ แต่คนละรุ่น คนละบริษัทมาทำให้ เพราะรุ่นใหม่ ต้นทุนค่าเครื่องเลเซอร์จะแพงมาก โดยเฉพาะคลินิกที่มีสาขามาก ๆ ไม่มีทางที่จะเอาเลเซอร์เกรด A มาลงทุกตัว ทุกสาขาได้ จริงไหม ? 6. เล่นซ่อนแอบกับคนไข้ ราคาเลเซอร์ถูก แต่ดันหลอกขายยา ผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ ในราคาเกินจริง เช่น คนไข้ปกติ ซื้อ 300 บาท พอคนไข้คอร์สเลเซอร์ราคาต่ำกว่าทุน ดันขาย 500 บาท ทั้งที่ยาเดียวกัน 7. พอทำไม่ได้ผล ก็อ้างโน่นนี่ ที่เจอบ่อย ๆ ก็ผิวคนเราไม่เท่ากันบ้าง ก็บอกแล้วให้หลบแดดไง ให้อยู่กับบ้านไง ทำไมไม่ทำ ก็คุณไม่ยอมซื้อผลิตภัณฑ์ของเขา ที่ราคาแพง ๆ ไปใช้ไง จึงไม่ได้ผล ทั้ง ๆ ที่ตอนโฆษณา บอกว่าเลเซอร์อย่างเดียวได้ผลดีทุกอย่าง !!! 8. เลเซอร์คอร์สราคาถูกเหมือนได้ฟรี เป็นแค่ตัวดึงคนไข้จำนวนมากเข้าไป เป้าประสงค์ที่แท้จริง คือคนไข้เฉพาะบางคนที่หลงเชื่อคนง่าย จะโดนกล่อมให้ ซื้อคอร์สที่ราคาแพงตามปกติในท้ายที่สุด โดยอ้างว่า คอร์สราคาถูกไม่ดีพอ ทั้ง ๆ ที่ตอนอ่าน-ฟัง-ดูโฆษณา บอกว่าเลเซอร์คอร์สนี้ ได้ผลดีทุกอย่าง !!! 9. บางคลินิก พอไปจะทำเลเซอร์ ก็จะหลอกให้ฉีดโน่นนี่ ในราคาถูกแบบไม่น่าเชื่อ เวลาทำจริง ก็ไปเอาของปลอม หรือของจริงใกล้หมดอายุ เปลี่ยนยี่ห้อกลางคัน ผสมน้ำเกลือมากขึ้นเพื่อลดต้นทุน ไปเอาหลอดเก่าของคนอื่นมาฉีดให้ ฉีดของเราไม่หมดแล้วบอกว่าหมดเพื่อเก็บไว้ขายให้เราหรือคนอื่นอีก หลอกให้ฉีดมากกว่าความจำเป็นเพื่อหลอกว่า ยิงฉีดเยอะยิ่งราคาถูก 9ล9 10. พอขายคอร์สราคาถุก ห็หวังให้คนไข้ส่วนหนึ่งไม่มาทำจริง เพราะพอทำครั้งแรก ไม่ได้ผล คนไข้ก็จะหายไปเลย จะได้ไม่ขาดทุนมาก แล้วก็ไปโฆษณา หลอกคนไข้ใหม่เข้ามาอีก คนที่ทำไม่ได้ผล ก็จะเปลี่ยนไปโดนคลินิกอื่นหลอกอีก 11. คลินิกก็จะไม่รับผิดชอบในกรณีไม่ได้ผลตามจริง อ้างว่าคอร์สราคาพิเศษแล้ว ความรับผิดชอบก็จะลดไปตามราคาไง 12. คลินิกพวกนี้ จะจับทางได้ว่า คนไข้เกือบ 100 % แม้ไม่ได้ผลจริงสักคน แต่ก็ไม่กล้าฟ้องเอาเงินคืน ไม่กล้าโวยวาย เพราะคอร์สราคาถูก ไม่คุ้มค่าเหนื่อย ในการโวยวาย เสียเวลา ส่วนใหญ่ก็จะคิดว่า ทำบุญ-ทำทาน เอาเงินไปฟาดหัวหมอที่กลายเป็นหมาแล้วกัน 13. แม้บางคนอยากเอาเรื่องจริง กลับไปอีกที ไม่เจอเจ้าหน้าที่ หรือหมอที่ขายคอร์ส เพราะ จนท หรือ หมอกลุ่มนี้ จะไหวตัวทันว่าหลอกขายของห่วย ๆ ให้ ได้ค่าคอมมิสชั่นมาพอสมควร ต้องรีบหนี จะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ ส่วนคลินิกก็จะอ้างว่า คนที่ขายคอร์สให้ ไม่อยู่แล้วนะ ช่วยไม่ได้ 14. คลินิกเปิดใหม่ บางที่แย่ไปกันใหญ่ คือเปิดมา เจอแต่ผีเข้ามารักษา ไม่มีคนไข้เลย ขาดทุนเดือนละหลายแสน พอใกล้จะเจ๊ง จึงรีบระดมทุนคืน ครั้งสุดท้ายก่อนปิด จึงหลอกขายคอร์สให้ได้มากที่สุด คอร์สบ้า ๆ บอ ๆ อะไรก็ขาย พอได้จำนวนหนึ่งเพื่อไปใช้หนี้ที่กู้มา หรือมีกำไรเล็กน้อย ก็ปิดคลินิกหนี หายตัวเข้าสายลม หนีไปเปิดคลินกใหม่ ชื่อใหม่ที่จังหวัดอื่นเลย 15. ก่อนโปรโมชั่นจะมาโฆษณา รีบอัพราคาขึ้นไป 5-10 เท่า ก่อน แกล้งเปลี่ยนชื่อคอร์ส เปลี่ยนคุณสมบัติ เพิ่มโน่นนิด นี่หน่อย ให้คนไข้งง พอเพิ่มราคาไปแล้ว ค่อยกลับมาลดราคา 5-10 เท่าได้ไง สรุปว่า คนไข้โดนตุ๋นซะเปื่อย ๆ ๆ จริง ๆ คงมีอีกมากมาย สาธยายไม่หมด พวกแนวทางบ๊องส์ ๆ บ้องตื้นพวกนี้ ที่ JSLC เราไม่ทำ แถมจะต่อต้านด้วย ที่นี่ขนาดตัวแถมฟรี เรายังเอาตัวจริง เลเซอร์แพงจริง ได้ผลจริง มาแถมให้เลย ให้ คือ ให้ ถ้าเราอยากลด เราลดให้จริง ลดได้แค่ไหน คือได้แค่นั้น
หวังว่า ท่านที่มีบุญมาได้อ่านบทความข้อนี้ คงเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ไม่มากก็น้อยครับ หวังว่า คงจะโดนหลอกกันน้อยลงนะครับ ปล. . ไม่ได้บอกว่า รพ. เอกชน คลินิกไฮโซบางแห่ง ที่ชาร์จแพง ๆ จะดีนะครับ ของแพง ก็ควรได้ผลดีจริง ๆ ตามที่โม้ไว้ แต่ที่เห็นส่วนใหญ่ ขนาดเลเซอร์ที่ครั้งละ 10000-30000 บาท หรือ ครั้งละ แสนกว่าบาท ยังไม่ได้ผลเลย แถมโคตรเจ็บ อีกต่างหาก เจ็บหน้าไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจนี่ซิ แสบ แปลกแต่จริง !!!!!
ดีขึ้นชัดเจน เห็นผลทุกคนไว ได้ผลถาวร แน่นอนปลอดภัย รักษาด้วยความจริงใจ ไม่ใช่ทำเพื่อธุรกิจ แต่นี่คือชีวิตของเรา |
ควรรักษากับแพทย์ผิวหนัง ? |
จรัลการแพทย์ คลินิกผิวหนัง-เลเซอร์ |